ทำไมเราจึงจำเป็นต้องการใช้ปลั๊กอินความปลอดภัยใน WordPress
การใช้ปลั๊กอินความปลอดภัยใน WordPress เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจาก WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แต่เนื่องจากความนิยมนี้ WordPress ก็เป็นเป้าหมายสำคัญของผู้ไม่ประพฤติสุจริตที่พยายามเจาะระบบเว็บไซต์ของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ทั้งการหาข้อมูลส่วนตัว, การแพร่ระบาดไวรัส, การโจมตีเว็บไซต์, หรือการใส่โฆษณาเป็นอันมากมาย
ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องใช้ปลั๊กอินความปลอดภัยเพื่อปกป้องเว็บไซต์ของเรา นี่คือเหตุผลที่เราต้องการใช้ปลั๊กอินความปลอดภัยใน WordPress
- ป้องกันการเจาะระบบ : ปลั๊กอินความปลอดภัยช่วยป้องกันการเจาะระบบโดยระบบการตรวจสอบสิทธิ์และการตรวจสอบความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลหรือระบบที่ไม่ถูกต้อง
- การตรวจสอบและกรองข้อมูล : ปลั๊กอินความปลอดภัยสามารถตรวจสอบและกรองข้อมูลที่ส่งมายังเว็บไซต์ เช่น กรองอีเมลสแปมหรือป้องกันการใส่รหัสที่อันตรายในเนื้อหา
- ป้องกันการโจมตีแบบครอสไซต์ : ปลั๊กอินความปลอดภัยช่วยป้องกันการโจมตีแบบครอสไซต์ (Cross-Site Scripting, XSS) และการโจมตีแบบครอสไซต์เรครูต์เฟรชิง (Cross-Site Request Forgery, CSRF) ที่อาจทำให้ผู้ไม่ประพฤติสุจริตสามารถควบคุมเว็บไซต์ของคุณ
- ป้องกันการโจมตีโค๊ด : ปลั๊กอินความปลอดภัยช่วยป้องกันการโจมตีโค๊ด (SQL Injection) ซึ่งสามารถทำให้ผู้ไม่ประพฤติสุจริตเข้าถึงฐานข้อมูลของคุณ
- การจดบันทึกและการควบคุม : ปลั๊กอินความปลอดภัยช่วยในการจดบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณและช่วยในการควบคุมการเข้าถึงและการรับสิทธิ์ของผู้ใช้
- การปรับปรุงความปลอดภัย : ปลั๊กอินความปลอดภัยที่อัพเดตอยู่เป็นประจำช่วยในการปรับปรุงความปลอดภัยของเว็บไซต์ เนื่องจากผู้พัฒนาจะปรับปรุงปลั๊กอินเพื่อป้องกันการโจมตีใหม่ ๆ
- ป้องกันการบุกรุกไฟล์ : ปลั๊กอินความปลอดภัยช่วยป้องกันการบุกรุกไฟล์ (Local File Inclusion) และ Remote File Inclusion ซึ่งอาจทำให้ผู้ไม่ประพฤติสุจริตเข้าถึงไฟล์หรือระบบของคุณ
- การสำรองไฟล์ WordPress และฐานข้อมูล
การใช้ปลั๊กอินความปลอดภัยใน WordPress ช่วยให้คุณสามารถป้องกันการโจมตีและรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของคุณและผู้ใช้ของคุณ
ลองดูรายชื่อตัวเลือกปลั๊กอินคุณภาพที่เราแนะนำ สำหรับดูแลเว็บไซต์ของคุณให้ปลอดภัย
ปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress ที่ดีที่สุด
1. Solid Security

Solid Security ชื่อเดิมคือ iThemes Security เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพซึ่งสมควรได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress ที่ดีที่สุด มีเวอร์ชันฟรีและพรีเมียม โดยมีหลายระดับให้เลือกตามความต้องการของคุณ
โซลูชันนี้ช่วยรักษาความปลอดภัยเว็บไซต์ของคุณด้วยวิธีต่างๆ มากกว่า 30 วิธี รวมถึงการป้องกันด้วยรหัสผ่าน การตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ และอื่นๆ อีกมากมาย
หากคุณอัปเกรดเป็นเวอร์ชันที่ต้องชำระเงิน คุณจะได้รับการสำรองข้อมูลไซต์เป็นประจำ คุณยังสามารถจัดการไซต์ WordPress หลายแห่งจากระยะไกลด้วยฟีเจอร์ Solid Security Pro
คุณสมบัติหลักสำหรับของ Solid Security
- การตรวจสอบความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ (Real-time Security) : Solid Security มีระบบตรวจสอบความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ที่ช่วยป้องกันการโจมตีทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติบนเว็บไซต์ เช่นการพยากรณ์ช่วงเวลาที่ไม่ปกติในการเข้าสู่ระบบหรือการพยากรณ์การโจมตี DDOS
- Firewall : ปลั๊กอินนี้มาพร้อมกับระบบกรองและป้องกันการเข้าถึงข้อมูลแบบไม่ระมัดระวัง (unauthorized access) ที่ช่วยป้องกันการโจมตีด้วยการบล็อกที่มาจาก IP ที่ไม่ปกติ
- การตรวจสอบและแก้ไขช่องโหว่ (Vulnerability Scanning) : ปลั๊กอินสามารถตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเพื่อค้นหาช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีได้ และแจ้งเตือนคุณเมื่อพบช่องโหว่ เพื่อให้คุณสามารถแก้ไขมัน
- การจัดการรหัสผ่าน (Password Management) : ปลั๊กอินช่วยในการจัดการรหัสผ่านของผู้ใช้และบังคับให้มีรหัสผ่านที่แข็งแรง
- การบล็อก IP สำหรับผู้ไม่พึงประสงค์ (Ban Bad IP Addresses) : ปลั๊กอินนี้ช่วยบล็อก IP ที่พยายามโจมตีเว็บไซต์ของคุณอย่างรวดเร็ว
- การสำรองข้อมูลและคืนค่าสภาพแวดล้อม (Backup and Restore) : มีคุณสมบัติสำรองข้อมูลเว็บไซต์และคืนค่าสภาพแวดล้อม (site environment) ในกรณีที่มีปัญหาหรือโจมตี
- การตรวจสอบความปลอดภัยของระบบ (System Security Check) : ช่วยในการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบและแจ้งเตือนในกรณีที่มีปัญหา
- การล็อกอินสองชั้น (Two-Factor Authentication) : ช่วยในการเพิ่มระดับความปลอดภัยของการเข้าสู่ระบบโดยใช้ล็อกอินสองชั้น
- การจัดการบล็อกและการป้องกันการโจมตีครอสไซต์ส่วนบุคคล (Private Site Cross-Site Request Forgery) : ช่วยป้องกันการโจมตี CRSF ที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของเว็บไซต์
- การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงบนไฟล์ระบบ (File Change Detection) : ปลั๊กอินสามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในไฟล์ระบบและแจ้งเตือนคุณในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติ
Solid Security เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องเว็บไซต์ WordPress ของคุณจากการโจมตีและความปลอดภัยออนไลน์อื่น ๆ และมีการตั้งค่าและปรับแต่งที่หลากหลายเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยตามความเหมาะสมของเว็บไซต์ของคุณ การใช้ Solid Security อาจช่วยลดความเสี่ยงของการโจมตีและความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Solid Security
2. All-In-One WP Security & Firewall

All-In-One WP Security & Firewall ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress สามรายการแรกของรายการนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นตัวเลือกคุณภาพสูงที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการเครื่องมือฟรี มันใช้งานง่ายอย่างไม่น่าเชื่อและนำเสนอข้อมูลในรูปแบบกราฟิกที่แบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก (พื้นฐาน ระดับกลาง และขั้นสูง)
ปลั๊กอินนี้ยังมอบฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าคุณไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ซึ่งรวมถึงการป้องกันการโจมตีแบบ brute-force การป้องกันไฟร์วอลล์ การกรองสแปมความคิดเห็น และอื่นๆ อีกมากมาย
คุณสมบัติที่สำคัญของ All-In-One WP Security & Firewall
- การสแกนความปลอดภย (Security Scanning) : ปลั๊กอินนี้มาพร้อมเครื่องมือสแกนความปลอดภยที่ช่วยในการตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเพื่อค้นหาช่องโหว่ความปลอดภยและปัญหาอื่น ๆ ซึ่งช่วยในการป้องกันการโจมตี
- ระบบป้องกันการเข้าถึง (Firewall) : All-In-One WP Security & Firewall มาพร้อมระบบป้องกันการเข้าถึงที่ช่วยป้องกันการโจมตี DDoS และการโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี โดยระบบนี้จะกรองการเข้าถึงและป้องกันการโจมตีโดยอัตโนมัติ
- ความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้ (User Account Security) : ปลั๊กอินช่วยในการเพิ่มความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้โดยอนุญาตให้คุณตั้งค่าการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงและป้องกันการโจมตี Brute Force
- การล็อคการเข้าสู่ระบบ (Login Lockdown) : มีระบบล็อคการเข้าสู่ระบบที่ช่วยป้องกันการโจมตี Brute Force โดยล็อคผู้ใช้ที่มีการพยายามเข้าสู่ระบบหลายครั้งโดยไม่สำเร็จ
- แดชบอร์ดความปลอดภัย (Security Dashboard) : มีแดชบอร์ดความปลอดภัยที่แสดงภาพรวมของระดับความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณและช่วยในการตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภย
- ตรวจสอบมัลแวร์ (Malware Scanner) : มีเครื่องมือตรวจสอบมัลแวร์ที่ช่วยตรวจสอบเว็บไซต์เพื่อค้นหามัลแวร์และฟรุตเจอร์อันต่างประเภทที่อาจเป็นอันตราย และแจ้งเตือนเมื่อพบการติดเชื้อหรือมัลแวร์บนเว็บไซต์ของคุณ
- ความปลอดภัยของระบบไฟล์ (File System Security) : ช่วยในการป้องกันการเข้าถึงไฟล์ที่สำคัญของเว็บไซต์และอนุญาตให้คุณตรวจสอบการเข้าถึงและการสนับสนุนความปลอดภยของระบบไฟล์
- ความปลอดภัยของฐานข้อมูล (Database Security) : ช่วยในการป้องกันการโจมตีฐานข้อมูลด้วยการป้องกันการแฮ็ก SQL Injection และการเข้าถึงข้อมูลฐานข้อมูล
All-In-One WP Security & Firewall เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการดูแลและรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ โดยช่วยในการป้องกันการโจมตีและความไม่ประสงค์ดี และช่วยให้คุณตรวจสอบและบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณเพื่อรักษาความปลอดภยและปรับแต่งความปลอดภยของ WordPress ของคุณ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ All-In-One WP Security & Firewall
3. Wordfence Security

ด้วยการติดตั้งที่ใช้งานอยู่มากกว่า 4 ล้านครั้งและคะแนนเฉลี่ย 4.5 จาก 5 ดาว Wordfence Security เป็นหนึ่งในปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress ที่ดีที่สุด เครื่องมือนี้ช่วยให้คุณสแกนไซต์ของคุณเพื่อหามัลแวร์และกิจกรรมที่น่าสงสัยอื่นๆ เช่น การแทรกโค้ด ทุกอย่างจัดการได้อย่างง่ายดายจากแดชบอร์ด Wordfence แบบกำหนดเอง
ด้วยเวอร์ชันที่ต้องชำระเงิน คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์เพิ่มเติมได้ รวมถึงการสแกนขั้นสูง นอกจากนี้ เนื่องจากปลั๊กอินนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย คุณจึงสามารถคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนออนไลน์มากมายหากจำเป็น
คุณสมบัติที่สำคัญของ Wordfence Security
- ระบบป้องกันการเข้าถึง (Firewall) : Wordfence Security มาพร้อมระบบการป้องกันการเข้าถึงที่ช่วยป้องกันการโจมตี DDoS และการโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี โดยระบบนี้จะกรองการเข้าถึงและป้องกันการโจมตีโดยอัตโนมัติ
- ตรวจสอบมัลแวร์ (Malware Scanner) : มีเครื่องมือตรวจสอบมัลแวร์ที่ช่วยตรวจสอบเว็บไซต์เพื่อค้นหามัลแวร์และฟรุตเจอร์อันต่างประเภทที่อาจเป็นอันตราย และแจ้งเตือนเมื่อพบการติดเชื้อหรือมัลแวร์บนเว็บไซต์ของคุณ
- ความปลอดภัยในการเข้าสู่ระบบ (Login Security) : ปลั๊กอินช่วยป้องกันการบีบอัดรหัสผ่านและการโจมตี Brute Force ด้วยการจำกัดจำนวนครั้งที่ลอคอินล้มเหลวและมีระบบแจ้งเตือนการเข้าสู่ระบบที่คุณสามารถตรวจสอบได้
- การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) : Wordfence ช่วยให้คุณเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบ
- การตรวจสอบสถานะ (Monitoring) : ตรวจสอบสถานะของเว็บไซต์ของคุณอยู่ตลอดเวลาเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการสนับสนุนการตรวจสอบการเข้าถึงและความปลอดภัยของเว็บไซต์
- WAF (Web Application Firewall) : Wordfence Security มาพร้อมระบบ WAF ที่ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ Cross-Site Scripting (XSS), SQL Injection, และความไม่ประสงค์ดีอื่น ๆ โดยบล็อกการโจมตีทางเทคนิค
- การอัปเดตข้อมูลการโจมตี (Threat Defense Feed) : Wordfence อัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงและการโจมตีทางเทคนิคอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระบบป้องกันอยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา
- การวิเคราะห์การเข้าถึง (Traffic Analysis) : ปลั๊กอินช่วยในการวิเคราะห์การเข้าถึงและพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการสังเกตความไม่ประสงค์ดี
Wordfence Security เป็นปลั๊กอินที่มีรุ่นฟรีและรุ่นเสริมความสามารถที่ต้องจ่ายเงิน รุ่นเสริมความสามารถมักมีฟีเจอร์เพิมเติมและการสนับสนุนที่ดีกว่า การเลือกใช้เวอร์ชันที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของคุณในการรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Wordfence Security
4. WP Activity Log

WP Activity Log เป็นปลั๊กอินที่แตกต่างจากปลั๊กอินอื่นในรายการนี้เล็กน้อย แทนที่จะนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรที่มีคุณลักษณะต่างๆ มากมาย เครื่องมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์เฉพาะ เพื่อช่วยให้คุณติดตามการเปลี่ยนแปลงและกิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ
คุณสมบัติหลักของ WP Activity Log
- บันทึกกิจกรรม (Activity Logging) : WP Activity Log ทำหน้าที่บันทึกทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งรวมถึงการแก้ไขเนื้อหา, การเข้าสู่ระบบ, การสร้างหรือลบผู้ใช้, การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าของเว็บไซต์, การอัปโหลดไฟล์, และมากมายอื่น ๆ
- การค้นหาและฟิลเตอร์ (Search & Filters) : มีระบบค้นหาและฟิลเตอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถหากิจกรรมที่ต้องการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถในการกรองตามประเภทของกิจกรรม, ผู้ใช้, วันที่, และเครื่องมือค้นหาเพิ่มเติม
- การจัดการผู้ใช้ (User Management) : WP Activity Log ช่วยในการตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้แต่ละคนบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งสามารถช่วยในการควบคุมการใช้งานของผู้ใช้, ตรวจสอบกิจกรรมผู้ดูแลระบบ, และรายงานปัญหาที่เกี่ยวกับการใช้งานของผู้ใช้
- การแจ้งเตือน (Alerts & Notifications) : ปลั๊กอินนี้สามารถสร้างการแจ้งเตือนเมื่อเกิดกิจกรรมที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือเหตุการณ์สำคัญ โดยที่คุณสามารถกำหนดรายละเอียดและระเหิดการแจ้งเตือน
- รายงาน (Reports) : WP Activity Log ช่วยสร้างรายงานและบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คุณต้องการ ที่จะช่วยในการติดตามความเปลี่ยนแปลงและกิจกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ของคุณ
- ความปลอดภัยและความเป็นไปได้ (Security & Compliance) : WP Activity Log ช่วยในการปรับแต่งความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณโดยการติดตามและบันทึกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความเป็นไปได้ตามข้อกำหนดของ GDPR (General Data Protection Regulation) และอื่น ๆ
WP Activity Log เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการดูแลและรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ โดยช่วยในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงและกิจกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งสามารถช่วยคุณรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์และรองรับการสนับสนุนการตรวจสอบความปลอดภัยและความเป็นไปได้ของข้อมูล
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ WP Activity Log
5. Sucuri Security

ปลั๊กอิน Sucuri Security เป็นปลั๊กอินสำหรับระบบการจัดการเนื้อหา (CMS) WordPress ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณ โดยมุ่งเน้นในการป้องกันและตอบสนองต่อการโจมตีแบบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ นี่คือคำอธิบายเกี่ยวกับปลั๊กอิน Sucuri Security
คุณสมบัติที่สำคัญของ Sucuri Security
- ฟังก์ชันรักษาการเข้าถึง (Firewall) : ปลั๊กอิน Sucuri Security มาพร้อมกับฟังก์ชันการรักษาการเข้าถึงที่ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ Distributed Denial of Service (DDoS) และการรบกวนจากผู้ไม่ประสงค์ดี โดยเป็นกั้นระหว่างเว็บไซต์ของคุณกับผู้โจมตี
- ตรวจสอบมัลแวร์ (Malware Scanner) : ปลั๊กอินช่วยตรวจสอบและติดตามการแฮ็กและการติดเชื้อมัลแวร์บนเว็บไซต์ของคุณ และสามารถแจ้งเตือนคุณเมื่อมีสัญญาณของมัลแวร์
- การปรับแต่งความปลอดภัย (Security Hardening) : Sucuri Security สามารถช่วยให้คุณปรับแต่งความปลอดภัยของระบบการจัดการเนื้อหา WordPress ของคุณโดยลดความเสี่ยงที่มีต่อการโจมตี โดยเช่นการปรับแต่งการเข้าถึงไฟล์และการตั้งค่าความปลอดภัย
- บันทึกการเข้าถึง (Audit Logs) : ปลั๊กอินนี้จะบันทึกการเข้าถึงและกิจกรรมบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งสามารถช่วยในการตรวจสอบว่ามีกิจกรรมที่ไม่ปกติหรือการโจมตีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
- การตรวจสอบสถานะเว็บไซต์ (Website Monitoring) : Sucuri Security สามารถตรวจสอบสถานะของเว็บไซต์ของคุณอยู่ตลอดเวลาและแจ้งเตือนคุณเมื่อมีปัญหาหรือเว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้
- การปฏิบัติการป้องกันหลังจากถูกแฮ็ก (Post-Hack Security Actions) : หากเว็บไซต์ของคุณถูกแฮ็ก ปลั๊กอินนี้สามารถช่วยในการทำความสะอาดและฟื้นฟูเว็บไซต์ของคุณ
- การแจ้งเตือนความปลอดภัย (Security Notifications) : Sucuri Security จะส่งการแจ้งเตือนทันทีถึงคุณเมื่อตรวจพบกิจกรรมที่เป็นไปไม่ได้หรือมีการโจมตีบนเว็บไซต์ของคุณ
ทั้งนี้ควรทราบว่า Sucuri Security เป็นเครื่องมือความปลอดภัยที่มีเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสริมความสามารถที่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งเวอร์ชันเสริมความสามารถมักมีฟีเจอร์เพิ่มเติมและการสนับสนุนที่เยี่ยม. การเลือกใช้เวอร์ชันที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของคุณในการรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Sucuri Security
6. Defender

Defender เป็นปลั๊กอินรักษาความปลอดภัย WordPress ที่ค่อนข้างใหม่แต่มีแนวโน้มดี ซึ่งมีการดาวน์โหลดมากกว่าล้านครั้ง การติดตั้งและกำหนดค่าปลั๊กอินใช้เวลาเพียงไม่กี่คลิก และเริ่มปกป้องเว็บไซต์ของคุณทันที
Defender มอบความสามารถด้านความปลอดภัยที่น่าทึ่งมากมายโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ มีไฟร์วอลล์ที่เปิดใช้งานการบล็อก IP ฟรี เช่นเดียวกับ Wordfence การสแกนมัลแวร์ การป้องกันการเข้าสู่ระบบแบบ brute-force การแจ้งเตือนภัยคุกคาม และการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยผ่าน Google ยังรวมอยู่ในรุ่นฟรีด้วย
คุณสมบัติที่สำคัญของ Defender
- การสแกนความปลอดภย (Security Scanning) : ปลั๊กอิน Defender มาพร้อมเครื่องมือสแกนความปลอดภยที่ช่วยในการตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเพื่อค้นหาช่องโหว่ความปลอดภยและปัญหาอื่น ๆ ที่อาจทำให้เว็บไซต์เป็นเป้าหมายของการโจมตี
- ระบบป้องกันการเข้าถึง (Firewall) : Defender มาพร้อมระบบป้องกันการเข้าถึงที่ช่วยป้องกันการโจมตี DDoS, Brute Force, SQL Injection และการโจมตีอื่น ๆ โดยระบบนี้จะกรองการเข้าถึงและป้องกันการโจมตีโดยอัตโนมัติ
- รายงานช่องโหว่ (Vulnerability Reports) : Defender จะสร้างรายงานเกี่ยวกับช่องโหว่ที่พบบนเว็บไซต์ของคุณและช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาเหล่านี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของเว็บไซต์
- ความปลอดภัยในการเข้าสู่ระบบ (Login Protection) : ปลั๊กอินช่วยในการป้องกันการบีบอัดรหัสผ่านและการโจมตี Brute Force โดยมีระบบล็อคการเข้าสู่ระบบหลายครั้งและเรียกใช้ Two-Factor Authentication (2FA)
- หัวเส้นคำสั่งความปลอดภัย (Security Headers) : ช่วยในการกำหนดค่าหัวเส้นคำสั่งความปลอดภยเพื่อป้องกันการโจมตีแบบ Cross-Site Scripting (XSS) และความไม่ประสงค์ดีอื่น ๆ
- บันทึกการตรวจสอบ (Audit Logging) : Defender บันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ เช่นการแก้ไขเนื้อหา, การเข้าสู่ระบบ, การสร้างผู้ใช้, การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า, การอัปโหลดไฟล์, และมากมายอื่น ๆ เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบกิจกรรมและความปลอดภัย
- การแจ้งเตือน (Notifications and Alerts) : ปลั๊กอินนี้สามารถสร้างการแจ้งเตือนเมื่อเกิดกิจกรรมที่เกี่ยวกับความปลอดภยหรือเหตุการณ์สำคัญ โดยที่คุณสามารถกำหนดรายละเอียดและระเหิดการแจ้งเตือน
Defender เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการดูแลและรักษาความปลอดภยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ โดยช่วยในการป้องกันการโจมตีและความไม่ประสงค์ดี และช่วยให้คุณตรวจสอบและบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณเพื่อรักษาความปลอดภยและปรับแต่งความปลอดภยของ WordPress ของคุณ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Defender
7. Jetpack

Jetpack เป็นหนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่ได้รับความนิยมและใช้กันมาก สามารถใช้เพื่อคุณสมบัติต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ประสิทธิภาพไปจนถึงวัตถุประสงค์ทางการตลาด อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติบางอย่างที่คุณอาจไม่รู้ทำให้เป็นหนึ่งในปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress ที่ดีที่สุด
Jetpack นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นซึ่งรวมถึงการสำรองข้อมูลแบบเรียลไทม์ การสแกนมัลแวร์และการป้องกันสแปม
นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการป้องกันแบบ brute-force และการตรวจสอบสถานะการออนไลน์อีกด้วย เหนือสิ่งอื่นใดฟีเจอร์เหล่านี้รวมอยู่ในแผนฟรี นอกจากนี้ ปลั๊กอินนี้สร้างโดยทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง WordPress.com (Automattic) ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าปลั๊กอินนี้ปลอดภัย มั่นคง และเชื่อถือได้
คุณสมบัติที่สำคัญของ Jetpack
- สถิติเว็บไซต์ (Site Stats) : Jetpack ช่วยในการตรวจสอบสถิติของเว็บไซต์ของคุณ ด้วยการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้เข้าชม, การโหลดหน้า, และความนิยมของเนื้อหา
- ความปลอดภัย (Security) : Jetpack มาพร้อมระบบป้องกันการโจมตีและความปลอดภยที่ช่วยป้องกันการโจมตี DDoS, Brute Force, และความไม่ประสงค์ดีอื่น ๆ โดยระบบนี้จะกรองการเข้าถึงและป้องกันการโจมตี
- การตรวจสอบเวลาหยุดงาน (Downtime Monitoring) : ปลั๊กอินช่วยตรวจสอบความสามารถในการเข้าถึงของเว็บไซต์และแจ้งเตือนเมื่อเว็บไซต์มีปัญหาหรือหยุดงาน
- ความปลอดภัยในการบีบอัดรหัสผ่าน (Brute Force Attack Protection) : ช่วยป้องกันการโจมตี Brute Force โดยล็อคผู้ใช้ที่มีการพยายามเข้าสู่ระบบหลายครั้งโดยไม่สำเร็จ
- การสำรองข้อมูลและกู้คืน (Backup and Restore) : Jetpack สามารถช่วยในการสำรองข้อมูลของเว็บไซต์ของคุณและให้คุณกู้คืนข้อมูลเว็บไซต์ในกรณีที่มีปัญหาหรือข้อมูลหายไป
- Content Delivery Network (CDN): ปลั๊กอินช่วยในการเร่งการโหลดของเว็บไซต์ด้วยการใช้ Content Delivery Network ที่ช่วยในการแจกจ่ายเนื้อหาจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่กับผู้เข้าชม
- ประสิทธิภาพของรูปภาพ (Image Performance) : Jetpack ช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพของรูปภาพบนเว็บไซต์ของคุณด้วยการปรับขนาดรูปภาพและการจัดการการโหลดรูปภาพ
- การแชร์บนโซเชียลมีเดีย (Social Sharing) : มีเครื่องมือสำหรับการแชร์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มการแบ่งปันและการแพร่กระจายเนื้อหาของคุณ
- การค้นหา (Jetpack Search) : มีระบบค้นหาที่เร็วและเที่ยวฉลาดที่ช่วยให้ผู้เข้าชมค้นหาเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Jetpack เสนอฟีเจอร์และเครื่องมือหลายอย่างที่ช่วยให้การดูแลเว็บไซต์ WordPress ของคุณง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยเน้นในเรื่องความปลอดภัยและความสามารถในการปรับปรุงประสิทธิภาพ Jetpack เหมาะสำหรับผู้ที่มีเว็บไซต์ WordPress และต้องการเครื่องมืออเนกประสงค์ที่ช่วยในการดูแลเว็บไซต์ของตนอย่างง่ายและมีประสิทธิภาพ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Jetpack