Noindex คืออะไร และส่งผลต่อ SEO อย่างไร

6 มิถุนายน 2566
Noindex คืออะไร และส่งผลต่อ SEO อย่างไร

Noindex คืออะไร

NoIndex คือคำสั่งที่ใช้บอกกับเครื่องมือค้นหาว่าหน้าเว็บไซต์นั้นไม่ควรถูกจัดทำดัชนี หรือเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลของเครื่องมือค้นหา ซึ่งหากมีการใช้คำสั่ง NoIndex กับหน้าเว็บไซต์ใดๆ จะทำให้หน้าเว็บไซต์นั้นไม่แสดงในผลการค้นหา

Noindex ในโลกของการทำ SEO (Search Engine Optimization) นั้นเรามักจะได้ยินคำว่า "การอินเด็กซ์ (Index)" อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากการที่เว็บไซต์ของคุณถูกอินเด็กซ์โดยเครื่องมือการค้นหา เช่น Google หมายความว่าเว็บไซต์ของคุณจะถูกเก็บข้อมูลในดาต้าเบสของเครื่องมือค้นหานั้น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น แต่ในบางครั้ง คุณอาจต้องการให้บางส่วนหรือหน้าบางหน้าของเว็บไซต์ของคุณไม่ถูกอินเด็กซ์ นี่คือเวลาที่คุณควรใช้ "Noindex" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สั่งให้เครื่องมือค้นหาไม่เก็บข้อมูลหรือไม่เปิดเผยหน้าเว็บนั้นในผลการค้นหา

Noindex ส่งผลต่อ SEO อย่างไร

การใช้คำสั่ง Noindex สามารถมีผลกระทบต่อการทำ SEO ของเว็บไซต์ได้ในหลายๆ ด้าน ดังนี้

1. ลดการทำซ้ำของเนื้อหา

หากคุณมีหน้าเว็บไซต์หลายๆ หน้าที่มีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกันมากๆ และคุณไม่ต้องการให้ทุกหน้านั้นปรากฏในผลการค้นหา เช่นหน้าคลังสินค้าหรือหน้าหมวดหมู่ คุณสามารถใช้คำสั่ง Noindex เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าเหล่านั้นถูกดัชนีและลดปัญหาการทำซ้ำของเนื้อหา

2. ควบคุมเนื้อหาที่แสดงในผลการค้นหา

การใช้ Noindex สามารถช่วยควบคุมเนื้อหาที่ต้องการให้ปรากฏในผลการค้นหาได้ เช่นหากคุณมีเนื้อหาบางส่วนที่คุณไม่ต้องการให้ปรากฏในผลการค้นหา เช่น หน้าเข้าสู่ระบบ หน้าลงทะเบียนหรือหน้าข้อตกลงการใช้บริการ คุณสามารถใช้ Noindex เพื่อกำหนดว่าเฉพาะเนื้อหาที่ต้องการให้ปรากฏในผลการค้นหาเท่านั้น

3. การกระจาย PageRank

หากคุณมีหน้าเว็บไซต์บางหน้าที่ไม่มีความสำคัญมากเมื่อเทียบกับหน้าอื่นๆ บนเว็บไซต์ การใช้คำสั่ง Noindex บนหน้าเหล่านั้นจะช่วยลดการกระจาย PageRank จากหน้าสำคัญไปยังหน้าที่ไม่สำคัญ ทำให้ PageRank ที่ได้รับจากการเชื่อมโยงภายนอกเพิ่มค่าในหน้าสำคัญได้มากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง Noindex, Nofollow, และ Noarchive

สำหรับบางคนอาจสับสนกับคำว่า Noindex กับคำอื่น ๆ ที่มักถูกพูดถึงในบทวิเคราะห์ SEO คำอื่น ๆ เหล่านี้อาจรวมถึง Nofollow และ Noarchive ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

  • Nofollow : คำสั่ง Nofollow จะสั่งให้เครื่องมือค้นหาไม่ติดตามลิงก์ภายในหน้าเว็บนั้น หรือไม่นำลิงก์นั้นไปพิจารณาในการดัชนี
  • Noarchive : คำสั่ง Noarchive จะสั่งให้เครื่องมือค้นหาไม่เก็บเวอร์ชันเก่าของหน้าเว็บ (archive) เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงหรือดูเวอร์ชันก่อนหน้านั้นได้

จากนั้นเราจะมาเปรียบเทียบคำสั่ง Noindex กับ Nofollow และ Noarchive เพื่อให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน

เมื่อใช้ Noindex จะไม่มีผลต่อการติดตามลิงก์ภายในหน้าเว็บเหมือนกับ Nofollow แต่ Noindex จะกำหนดให้หน้าเว็บไม่ปรากฏในผลการค้นหา ในขณะที่ Nofollow จะอนุญาตให้หน้าเว็บปรากฏในผลการค้นหาได้ แต่ลิงก์ภายในหน้าเว็บนั้นจะไม่ถูกติดตาม

สำหรับคำสั่ง Noarchive จะไม่มีผลต่อการติดตามลิงก์หรือปรากฏในผลการค้นหาเหมือนกับ Noindex แต่จะกำหนดให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงหรือดูเวอร์ชันก่อนหน้าของหน้าเว็บได้

การใช้งาน Noindex

การนำ Noindex มาใช้บนหน้าเว็บต่าง ๆ ในเว็บไซต์ของคุณเป็นเรื่องทางเทคนิค โดยส่วนใหญ่จะใช้แท็ก <meta> ในการกำหนด Noindex ให้กับหน้าเว็บ โดยต้องใส่โค้ดต่อไปนี้ในส่วนหัวของหน้าเว็บ

<meta name="robots" content="noindex">

การใช้ Noindex ให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากนำมาใช้ผิดวิธีอาจทำให้หน้าเว็บของคุณไม่ปรากฏในผลการค้นหาอย่างถาวร ดังนั้นควรทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้อย่างถูกต้อง

การตรวจสอบการใช้ NoIndex

เพื่อตรวจสอบว่าหน้าเว็บไซต์ของคุณใช้ NoIndex อย่างถูกต้องหรือไม่ คุณสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบการดัชนีเว็บไซต์ เช่น Google Search Console หรือเครื่องมืออื่นๆ ที่มีให้บริการ โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยแสดงสถานะการดัชนีของหน้าเว็บไซต์และรายงานถึงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

สรุป

Noindex เป็นการตั้งค่าเครื่องมือค้นหาให้ไม่เก็บข้อมูลหน้าเว็บนั้นในดาต้าเบสของตน ซึ่งทำให้หน้าเว็บไม่ปรากฏในผลการค้นหา การใช้งาน Noindex มีประโยชน์อย่างมาก เช่น ปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างระหว่าง Noindex กับ Nofollow และ Noarchive ที่ควรรู้เพื่อใช้งานอย่างถูกต้อง ก่อนที่จะนำ Noindex มาใช้ในหน้าเว็บของคุณ ควรทำการทดสอบและตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งานถูกต้องและไม่มีผลกระทบที่ไม่ต้องการในการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ

หากคุณต้องการความแน่ใจเพิ่มเติมหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งาน Noindex ในเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญทาง SEO เพื่อให้คำแนะนำและความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้