มีหลายปัจจัยที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรก Google ทำไมค้นหาเว็บใน Google แต่ไม่เจอ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เว็บติดอันดับ แต่ก็ควรจะรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับมีอะไรบ้าง เพื่อจะได้ปรับปรุงให้เว็บของคุณเลื่อนอันดับขึ้นไป
การเพิ่มอันดับให้สูงแบบออร์แกนิกในการค้นหาออนไลน์ มันต้องใช้เวลา ความตั้งใจ และกลยุทธ์ แต่ละเหตุผลสามารถแก้ไขได้ด้วยการดำเนินการง่ายๆ ต่อไปนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้บางเว็บไซต์ไม่สามารถไปที่หน้าแรกบน Google ได้
1. เว็บไซต์ของคุณไม่เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่
วีธีดูง่ายๆคือเข้าไปที่เว็บของคุณผ่านมือถือ แล้วคุณจำเป็นต้องซูมหน้าจอเพื่อใช้งานนั่นคือไม่เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ไม่มีการปรับเปลี่ยนการแสดงผลตามอุปกรณ์ที่ใช้งาน หรือที่เรียกกันว่า Non-Responsive Website
Google ชอบเว็บไซต์ที่เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ และผู้ใช้ก็เช่นกัน Google ให้ความสำคัญกับเครื่องมือค้นหาเว็บไซต์เวอร์ชั่นมือถือ เพื่อจัดอันดับเว็บของคุณในผลลัพธ์การค้นหา
วิธีแก้ไขก็คือคุณต้องปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นแบบ Responsive Website
2. คุณไม่ได้ใช้ Keyword ที่เหมาะสม
หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือเนื้อหาในเว็บไซต์มี Keyword ที่ไม่ถูกต้อง
หากคุณต้องการจัดอันดับ Keyword บางคำ คุณต้องเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณด้วย Keyword ที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้น Google จะไม่มีทางรู้ได้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับ Keyword นั้น
วิธีแก้ปัญหาในการใช้ Keyword คุณจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมในส่วนนี้เพื่อให้เข้าใจและใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งมีเอกสารมากมายให้การให้ความรู้เรื่องนี้
3. เว็บไซต์ของคุณไม่ปลอดภัย
หากเว็บไซต์ของคุณไม่ได้ใช้ HTTPS นั่นอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ได้รับการจัดอันดับสูงเท่าที่ควร HTTPS เป็นโปรโตคอลที่ปลอดภัยซึ่งจะเข้ารหัสข้อมูลเมื่อมีการถ่ายโอนจากเว็บไซต์ของคุณไปยังเบราว์เซอร์ของผู้ใช้แต่ละราย
ซึ่งจะช่วยป้องกันสิ่งต่างๆ เช่น การโจมตีแบบแทรกกลางที่ซึ่งมีคนพยายามสกัดกั้นข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างเว็บไซต์ของคุณและผู้ใช้ Google ได้กล่าวว่าพวกเขาอาจเพิ่มอันดับเล็กน้อยให้กับเว็บไซต์ที่ใช้ HTTPS ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่จะใช้อย่างแน่นอน
4. เว็บไซต์ของคุณโหลดช้า
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนคาดหวังว่าเว็บไซต์จะโหลดได้รวดเร็ว ตามข้อมูลของ Google พบว่า 53% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะออกจากเว็บไซต์หากใช้เวลาโหลดนานกว่า 3 วินาที
หากเว็บไซต์ของคุณใช้เวลาโหลดมากกว่า 3-5 วินาที คุณมีแนวโน้มว่าการเข้าใช้งานของผู้ใช้ และอันดับของเว็บจะลดลง
มีหลายสิ่งที่อาจทำให้เว็บไซต์ทำงานช้าได้ เช่น รูปภาพขนาดใหญ่ที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ โค้ดที่ไม่ได้รับการปรับให้เหมาะสม และการใช้ปลั๊กอินมากเกินไปซึ่งใช้เวลานานในการโหลด
ในการแก้ปัญหา ให้ตรวจสอบกับนักพัฒนาเว็บของคุณหรือใช้เครื่องมือ เช่น PageSpeed Insights ของ Google เพื่อทราบปัญหา และเริ่มต้นแก้ไข
5. เว็บไซต์ของคุณใช้งานยาก
แน่นอนว่าจำนวนของผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นปัจจัยหลักๆที่ Google ใช้จัดอันดับเว็บไซต์
หากเว็บไซต์ของคุณใช้งานยาก นั่นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่อยู่ในอันดับสูงเท่าที่ควร ผู้ใช้ควรสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการบนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย หากทำไม่ได้ พวกเขามีแนวโน้มที่จะออกจากเว็บไซต์ของคุณและไปที่เว็บไซต์ของคู่แข่งที่ใช้งานง่ายกว่า
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องดูลิงค์นำทางต่างๆของเว็บไซต์ของคุณ และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันใช้งานง่าย
6. คุณให้ความสำคัญกับปริมาณของเนื้อหามากกว่าคุณภาพของเนื้อหา
คุณต้องสมมุตตัวเองว่าเป็นผู้ใช้ที่เข้ามาดูเนื้อหา โดยตัดความเป็นเจ้าของเว็บออกไป คุณก็จะพอดูออกว่าเนื้อหาบนเว็บของคุณน่าสนใจ เข้าใจง่าย ตรงตามที่ผู้ใช้อยากเห็นหรือไม่ เนื้อหามีความกระชับหรือไม่ เช่น หัวข้อที่คุณอธิบายใช้ความยาว 3 ย่อหน้า มันสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ใน 1 ย่อหน้าหรือไม่ เป็นต้น
7. คุณมีเนื้อหาที่ซ้ำกัน
หากคุณมีเนื้อหาที่ซ้ำกันในหลายหน้าทั่วทั้งเว็บไซต์ของคุณ นี่อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ได้รับการจัดอันดับสูงเท่าที่ควร
Google ต้องการเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใคร ดังนั้นหากคุณมีเนื้อหาเดียวกันในหลายหน้า เครื่องมือค้นหาก็มีแนวโน้มที่จะจัดอันดับเพียงหน้าเดียวในหน้าเหล่านั้น ในการแก้ไขปัญหานี้ ให้จึงลบหน้าเหล่านั้นที่ซ้ำออก
บางทีเว็บของคุณอาจมีหน้าที่ซ้ำกันได้โดยไม่รู้ตัว บางทีคุณต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง เช่น เว็บของคุณมีมากกว่า 1 ลิงค์ ที่ไม่เหมือนกันแต่เข้าใช้หน้าเดียวกันได้ เป็นต้น
8. คุณไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดีย
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณบน Google คือการใช้โซเชียลมีเดีย โซเชียลมีเดียสามารถช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับผู้คนได้มากขึ้น และแบ่งปันเนื้อหาของคุณกับผู้ชมในวงกว้างขึ้น
เมื่อคุณแชร์เนื้อหาของคุณบนโซเชียลมีเดีย ไม่เพียงแต่คุณจะเพิ่มการมองเห็นและการมีส่วนร่วมสำหรับเนื้อหานั้น ๆ เท่านั้น แต่คุณยังให้ลิงค์ย้อนกลับ (Backlink) ไปยังเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย สิ่งนี้สามารถช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณบน Google ได้
9. คุณมีลิงค์ย้อนกลับ (Backlink) ไม่เพียงพอหรือไม่มีเลย
ลิงค์ย้อนกลับคือลิงค์จากเว็บไซต์อื่นไปยังเว็บไซต์ของคุณ ช่วยปรับปรุงการมองเห็นการค้นหาเว็บไซต์ของคุณ
ยิ่งลิงค์ย้อนกลับคุณภาพสูงที่คุณชี้ไปยังเว็บไซต์ของคุณมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น แต่ระวังการมีลิงค์ย้อนกลับคุณภาพต่ำมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่ออันดับเว็บไซต์ของคุณได้
หากต้องการได้รับลิงค์ย้อนกลับคุณภาพสูง ให้สร้างเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมซึ่งเจ้าของเว็บไซต์รายอื่นจะต้องการเชื่อมโยงไป คุณยังสามารถติดต่อเจ้าของเว็บไซต์รายอื่นและขอให้พวกเขาเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของคุณได้ แต่หากคุณจะขอลิงค์ย้อนกลับ อย่าเพิ่งขอลิงค์เก่าๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่คุณขอลิงค์นั้นเหมาะสม และมีโดเมนที่ดี ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสียต่อโปรไฟล์ลิงค์ของเว็บไซต์ของคุณ
10. เว็บไซต์ของคุณใหม่เกินไป
หากเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ใหม่ อาจต้องใช้เวลาพอสมควรจึงจะเริ่มติดอันดับหน้าแรกของ Google เนื่องจาก Google จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีหน้าทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณก่อน จึงจะสามารถระบุได้ว่าควรจัดอันดับที่ใด แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเริ่มการจัดอันดับ
11. กำหนดแท็ก Meta title และ Meta description ไม่ดีพอ
แท็ก Meta title และ Meta description ของคุณนั้นเป็นป้ายโฆษณาขนาดเล็กสำหรับหน้าเว็บ เป็นสิ่งแรกที่ผู้คนเห็นใน SERP ดังนั้นคุณจึงต้องแน่ใจว่าข้อความ ได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการคลิกผ่าน
Meta title ของคุณควรมีความยาวไม่เกิน 60 อักขระ และ Meta description ของคุณควรมีความยาวไม่เกิน 150 อักขระ ทั้งสองอย่างควรไม่ซ้ำกัน สื่อความหมาย และเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บนั้นๆ
การรวม Keyword เป้าหมายไว้ใน Meta title และ Meta description ของคุณ ยังช่วยให้คุณมีอันดับที่สูงขึ้นใน SERP ได้อีกด้วย แต่ระวังอย่าใส่มากเกินไป มิฉะนั้น Google จะลดอันดับแทน เพราะมันไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้